วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2563

ทำไมสมัคร Package 1Gbps แล้วทดสอบความเร็วแล้วไม่ถึง 1Gbps?



ปี 2563  เป็นปี Gigabit Internet โดยมี 3BB นำตลาดด้วย Package 1000Mbps/100Mbps ในราคา 590 บาทต่อเดือน (ยังไม่รวม Vat) และมีอีกหลายค่ายที่เปิดให้บริการตามพื้นที่ที่มีความพร้อมตามตาราง



Gigabit Speed Internet ทำงานยังไง

Gigabit Speed Internet ส่งผ่าน Fiber Optic จากผู้ให้บริการหรือที่เรียกว่าผ่านสาย Fiber โดยเทคโนโลยี่แบบเดิมที่ผ่านสายทองแดงในปัจจุบัน เช่น VDSL หรือ ADSL หรือ Coaxial ไม่สามารถให้บริการความเร็วระดับนี้ได้ ดังนั้นลูกค้าที่ใช้ Fiber Optic อยู่จริงมีความสามารถที่จะได้บริการหรืออัพเกรดความเร็วระดับ Gigabit ได้


ความเร็ว Gigabit ทำอะไรได้บ้าง

ถ้าเทียบกับความเร็วในระดับการใช้งานปกติหลายท่านอาจมองว่าพอเพียงแล้วหละแค่ดูหนังฟังเพลงทำงานทั่วไป แต่บ้านที่ใช้งานในอีกรูปแบบดังนี่ ท่านจะเห็นผลได้ชัดขึ้นจากการใช้ความเร็วแบบ Gigabit
  • มีผู้ใช้หลายราย การที่มีผู้ใช้หลายรายในบ้านใช้งานพร้อมๆกันคือการแบนด์วิดท์ผ่านท่อเดียวกัน แน่นอนว่าท่อที่กว้างกว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าไม่มีการคับคั่งของข้อมูล บางบ้านสมัคร Netflix แบบ 4K แบบใช้งาน 4 เครื่อง อาจดูหนังคนละเรื่องผ่านมือถือ หรือ ผ่านทีวีคนละห้อง แบบนี้ท่านจะเห็นผลชัดที่สุด ถ้าใช้ความเร็วเท่าเดิม อีกห้องหนึ่งความคมชัดอาจลดลง จากความเร็วไม่พอเพียง และ Netflix ปรับความละเอียดลงอัตโนมัติ
  • Online Gaming การยกระดับความเร็วไปสู่ Gigabit Speed จะทำให้ปัญหาเรื่องความเร็วในการเชื่อวต่อ หรือ การ Lag ของข้อมูลหมดไป หรือแม้กระทั่งการ Download โปรแกรมเกมส์ต่างๆจะทำอย่างเร็วกว่าเดิมมากๆ
  • การดู Content แบบ 4K   ปัจจุบัน Content แบบ 4K มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น Netflix หรือ YouTube โดย Netflix แนะนำว่าความเร็วอินเตอร์เน๊ตสำหรับ 4K คือ 25Mbps ขึ้นไป ซึ่งหมายถึง 4-5 เท่าของความละเอียดระดับ 1080p และด้วยความเร็ว Gigabit ทำให้ดู 4K หลายๆจุดพร้อมกันได้
  • Virtual Reality Content Content ที่มาในรูปแบบของ Virtual Reality 360 องศาหรือโลกเสมือนจริง จะได้ประโยชน์จากความเร็วระดับ Gigabit ด้วย
Modem หรือ Router ADSL/VDSL ปัจจุบันที่มีอยู่รองรับ Gigabit หรือไม่

        Modem แบบ VDSL หรือ ADSL หรือ Cable Modem ไม่รองรับ Gigabit Speed เนื่องจาก Gigabit Speed เชื่อมต่อผ่านสาย Fiber Optic และใช้อุปกรณ์ปลายทางที่เรียกว่า ONU หรืออาจเรียกว่า ONT ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ Port เชื่อมต่อของ ONU หรือ ONT เป็นแบบ 10/100/1000 หรือ Gigabit Port ด้วย ทั้งนี้หากผู้ใช้บริการเสนอเปลี่ยน Package จาก VDSL หรือ Fiber ให้ท่านนั่นหมายถึงว่าผู้ให้บริการจะเดินสาย Fiber มาที่บ้านของท่านใหม่ รวมทั้งอุปกรณ์  Wireless Router ใหม่ด้วย

Wireless Router ที่มีอยู่รองรับหรือไม่ 

1.       ท่านต้องใช้ Wireless Router รองรับช่อง LAN กับ WAN แบบ 10/100/1000 หรือ Gigabit Ethernet และรองรับ ความถี่ 5Ghz ถ้าจะให้ดีต้องมี Peak Speed มากกว่า 1Gbps โดยดู Peak Speed Wireless ย่านความถี่ 5Ghz เป็นหลัก ดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น AC1750 รองรับ 1300Mbps และ AC2600 รองรับ 1733Mbps เช่น AC 2600 นั่นหมายถึงว่า AC1200 หรือ AC1350 ไม่รองรับความเร็ว WiFi 1Gbps ได้



2.       Wireless Router รองรับ Channel Width 160Mhz ที่อุปกรณ์มือถือหรือ Notebook บางรุ่น สามารถรองรับได้
3.       Router ที่รองรับ Modulation 1024 QAM หรือ อาจเป็น WiFi-6 ที่ให้ความเร็วเริ่มต้นที่ 1201Mbps ในช่วงความถี่ 5Ghz

ทั้งนี้ขึ้นกับอุปกรณ์มือถือว่ารองรับหรือไม่
มืNotebook หรือ PC ที่มีอยู่รองรับหรือไม่

เพื่อให้ได้ความเร็วระดับ 1Gbps อุปกรณ์ และ Wireless Router มีความสำคัญมาก           



มีอุปกรณ์หลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเร็วระดับ Gigabit ได้แก่
1.         1. สาย LAN ควรเป็น CAT5E ขึ้นไป หรืออาจใช้ CAT6 ก็ได้ ท่านสามารถดู เวลาต่อสาย LAN กับ Computer ท่านสามารถดูได้จาก Local Area Connection Status ได้ ต้องแสดงผลเป็น 1.0Gbps ถ้าทดสอบแล้ว Speed ไม่ได้ อาจเป็นที่ Operator ก็อาจเป็นได้เช่นกัน ช่างติดตั้งควรทดสอบให้ท่านดูโดยผ่านสาย LAN นี้เป็นหลัก ถ้าไม่ได้อาจมีปัญหาที่ชุมสายก็อาจเป็นไปได้





  1. Network Card หรือ Port LAN ของ PC หรือ Notebook ต้องเป็นแบบ 10/100/1000 ท่านอาจจะเป็นความเร็วระดับประมาณ 900Mbps ซึ่งยอมรับได้ ทั้งนี้เพราะว่าการส่งขอมูลผ่าน Ethernet ไม่เป็นข้อมูลทั้งหมด 100% แต่มีส่วนประกอบอื่นมาดด้วยเช่น FCS หรือ Header ตามภาพ
  2. HDD หรือ SSD ความเร็วในการเขียนข้อมูลของ HDD แบบเดิมที่ที่เป็นแบบแม่เหล็กมีความเร็วอยู่ที่ระดับประมาณ 100MBps หรือ 800Mbps ท่านจะเห็นผลชัดขึ้นหากเปลี่ยนเป็น SSD ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วระดับ 300MBps หรือ 2.4Gbps ขึ้นไป 
  3. Wireless Network Card หรือ WiFi Card WiFi Card ของท่านต้องรองรับ Dual Band และถ้าให้ดีต้องเป็น 3x3 MIMO ขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ WiFi Link Speed อยู่ ที่ 1.3Gbps ก็จะทำให้ Troughput สูงขึ้นไปด้วย อาจพิจารณา WiFi Card Intel AX200 หรือ AX201 สำหรับ WiFi 6 หรือ Intel® Wireless-AC 9560 Intel® Wireless-AC 9260 สำหรับ Channel Width 160Mhz
  4. USB Port หากใช้ USB Dongle Wi-Fi ต้องใช้ USB 3.0 หรือ Type C หรือ Thunderbolt  มาตรฐาน USB 2.0 ในทางทฤษฎีสามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 480 เมกะบิตต่อวินาที (Mbps) หรือ 60 เมกะไบต์ต่อวินาที (MBps) มันน่าประทับใจ แต่ไม่มากเท่ากับ USB 3.0 ที่ใหม่กว่าซึ่งสามารถรองรับสูงถึง 5Gbps (640MBps) ในขณะที่ Thunderbolt ให้ความเร็วสูงถึง 10Gbps ขึ้น
  5. Smart Phone ต้องรองรับ Dual Band smart phone ในปัจจุบันรองรับ Dual มีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ส่วนมาก มักเป็น 2x2 MIMO นั่นหมายถึง Link Speed จะอยู่ที่ 867Mbps แน่นอนว่าความเร็วที่ทำได้สูงสุดอาจอยู่ที่ 400-500Mbps แต่ถ้าจะให้ไกล้เคียง 1 Gbps ท่านต้องเลือก Smart Phone ระดับเรือธงจากค่าต่างๆ เช่น Samsung Galaxy S10 หรือ Note 10 ที่รองรับ 1024QAM หรือ รองรับ WiFi 6 หรือ Apple Iphone 11ที่รองรับ WiFi 6 หรือ Huawei P30 หรือ Mate 20 ขึ้นไปที่รองรับ Channel Width 160Mhz แต่แท้จริงแล้ว ท่านอาจใช้ได้ไม่ห่างจาก Router มากนักอาจจะ 3- 5 เมตรเท่านั้น ถ้าท่านต้องการความเร็วแบบทั่วทั้งบ้านไม่มีอะไรดีกว่าการเดินสายแลน หรือ อาจเลือก Triband Mesh WiFi 
  6. Spec CPU ของเครื่อง พบว่าการทำ Speed test กินทรัพยากรพอสมควร CPU รุ่นเดิมๆ อาจไม่สามารองรับได้ CPU ของ Computer มีผลกระทบกับ ความเร็วของ Broadband Internet มั้ย ลองดู Speed test บน Intel Core i5 8400 เทียบกับ AMD A4 5300 Utilization ของ Core I5 ใช้ไป 12% พร้อมความเร็ว internet มาเกือบเต็ม แต่ AMD A4 ใช้ไป 100% ความเร็วได้ 300-400 Mbps
AMD A4 ทดสอบความเร็วผ่าน LAN ได้ 300-400 Mbps

Intel Core I5 8400 ทดสอบความเร็วผ่าน LAN ได้เกิน 900Mbps


วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

รู้จักกับ Gigabit Speed Internet

2561 ปีเริ่มต้นของ Gigabit Speed Internet



ปี 2561  นับเป็นจุดเริ่มต้นของ Gigabit Internet โดยแท้จริง จากผู้ให้บริการบรอดแบนด์ในประเทศไทยมีอย่างน้อยผู้ให้บริการ 2 รายเปิดให้บริการแล้ว พร้อมทำตลาดอย่างจริงจัง ได้แก่ True Corp และ AIS นั่นเอง โดยสนนราคารายเดือน ก็อยู่ที่ 2,999 บาทเท่ากัน สำหรับรายละเอียดของ package แต่ละค่ายก็สามารถค้นจาก website ของผู้ให้บริการทั้ง 3 รายได้ ล่าสุด True เปิดให้บริการในราคา 1599 บาท และล่าสุด TOT ก็เปิดบริการในราคา 1590 บาท







Gigabit Speed Internet ทำงานยังไง

Gigabit Speed Internet ส่งผ่าน Fiber Optic จากผู้ให้บริการหรือที่เรียกว่าผ่านสาย Fiber โดยเทคโนโลยี่แบบเดิมที่ผ่านสายทองแดงในปัจจุบัน เช่น VDSL หรือ ADSL หรือ Coaxcial ไม่สามารถให้บริการความเร็วระดับนี้ได้ ดังนั้นลูกค้าที่ใช้ Fiber Optic อยู่จริงมีความสามารถที่จะได้บริการหรืออัพเกรดความเร็วระดับ Gigabit ได้

เปรียบเทียบความเร็ว Gigabit กับความเร็วทั่วๆไป

ผู้ใช้บริการทั่วๆไปมักจะไช้ Package รายเดือน 50Mbps ในระดับราคา 590 บาท ความเร็ว Gigabit คือความเร็ว 1000Mbps หรือ ความเร็วระดับ 20 เท่าของความเร็วของผู้ใช้ทั่วไป หากเทียบราคา ที่ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 5 เท่าได้ความเร็วเพิ่ม 20 เท่า คุ้มค่ากับการใช้งานหรือไม่ท่านต้องลองพิจารณาดู 

ความเร็ว Gigabit ทำอะไรได้บ้าง

ถ้าเทียบกับความเร็วในระดับการใช้งานปกติหลายท่านอาจมองว่าพอเพียงแล้วหละแค่ดูหนังฟังเพลงทำงานทั่วไป แต่บ้านที่ใช้งานในอีกรูปแบบดังนี่ ท่านจะเห็นผลได้ชัดขึ้นจากการใช้ความเร็วแบบ Gigabit
  • มีผู้ใช้หลายราย การที่มีผู้ใช้หลายรายในบ้านใช้งานพร้อมๆกันคือการแบนด์วิดท์ผ่านท่อเดียวกัน แน่นอนว่าท่อที่กว้างกว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าไม่มีการคับคั่งของข้อมูล บางบ้านสมัคร NetFlix แบบ 4K แบบใช้งาน 4 เครื่อง อาจดูหนังคนละเรื่องผ่านมือถือ หรือ ผ่านทีวีคนละห้อง แบบนี้ท่านจะเห็นผลชัดที่สุด ถ้าใช้ความเร็วเท่าเดิม อีกห้องหนึ่งความคมชัดอาจลดลง จากความเร็วไม่พอเพียง และ NetFlix ปรับความละเอียดลงอัตโนมัติ
  • Online Gaming การยกระดับความเร็วไปสู่ Gigabit Speed จะทำให้ปัญหาเรื่องความเร็วในการเชื่อวต่อ หรือ การ Lag ของข้อมูลหมดไป หรือแม้กระทั่งการ Download  โปรแกรมเกมส์ต่างๆจะทำอย่างเร็วกว่าเดิมมากๆ
  • การดู Content แบบ 4K   ปัจจุบัน Content แบบ 4K มีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น Netflix หรือ Youtube โดย Netflix แนะนำว่าความเร็วอินเตอร์เน๊ตสำหรับ 4K คือ 25Mbps ขึ้นไป ซึ่งหมายถึง 4-5 เท่าของความละเอียดระดับ 1080p และด้วยความเร็ว Gigabit ทำให้ดู 4K หลายๆจุดพร้อมกันได้
  • Virtual Reality Content Content ที่มาในรูปแบบของ Virtual Reality 360 องศาหรือโลกเสมือนจริง จะได้ประโยชน์จากความเร็วระดับ Gigabit ด้วย
Modem หรือ Router ปัจจุบันที่มีอยู่รองรับ Gigabit หรือไม่

        Modem แบบ VDSL หรือ ADSL หรือ Cable Modem ไม่รองรับ Gibabit Speed เนื่องจาก Gigabit Speed เชื่อมต่อผ่านสาย Fiber Optic และใช้อุปกรณ์ปลายทางที่เรียกว่า ONU หรืออาจเรียกว่า ONT ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ Port เชื่อมต่อของ ONU หรือ ONT เป็นแบบ 10/100/1000 หรือ Gigabit Port ด้วย ทั้งนี้หากผู้ใช้บริการเสนอเปลี่ยน Package จาก VDSL หรือ Fiber ให้ท่านนั่นหมายถึงว่าผู้ให้บริการจะเดินสาย Fiber มาที่บ้านของท่านใหม่ รวมทั้งอุปกรณ์  Wireless Router ใหม่ด้วย

Wireless Router ที่มีอยู่รองรับหรือไม่

ถ้าท่านใช้ Wireless Router หรือ Wireless AP แบบ 2.4Ghz มี Port แบบ FE หรือ 10/100 ท่านจะไม่มีทางได้ความเร็วไกล้เคียง Gigabit เลย ท่านต้องเปลี่ยน Wireless Router ใหม่จะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งาน Gigabit Internet สูงขึ้น ท่านตั้งมั่นใจว่า Wireless Router ที่มีอยู่ใช้ Port 10/100/1000 ทั้ง Port WAN และ Port WAN และต้องรองรับ Wireless Dual Band เป็นอย่างน้อย  ทั้งนี้สำหรับ True Online เสนอ Wireless Router Triband  ในราคาแบบพิเศษเท่านั่น เพื่อมาใช้กับ 1Gbps หรือ AIS เองก็มี Wireless Router Dual Band  ซึ่งมีราคาพิเศษเช่นกัน และสามารถใช้กับ Gigabit Speed ได้

ตัวอย่างเปรียบเทีย Router ตัวเดิมคือซึ่งเป็น Gigabit Port ทั้งหมด กับ DIR-878 ของ D-Link  โดยการ Dowload เกมส์ DOTA 2 จะเห็นว่าแม้ Peak Speed ปรับจาก 13.6MB/s หรือ 108.8Mbps เป็น 61.8MB/s หรือ 494Mbps  เพียงแค่เปลี่ยน Router เท่านั้น 

Router ตัวเดิมทีเป็น Gigabit WAN ,LAN

Router ตัวใหม่ DIR-878
และหากจะให้ได้ประโยชน์จาก Router สูงสุดแนะนำให้ทำ ONU เป็น Bridge Mode และเชื่อม Router ตัวใหม่แบบ PPPoE จะได้ไม่ทำให้เกิดคอขวดที่ ONU และการปรับความเร็วแบบ WAN to LAN ทำถึง 2 ครั้ง ทำให้ Troughput ลดลง และเกิดปัญหา Double NAT หรือ เครื่องลูกได้ IP คนละชุดได้อีกด้วย 

มือถือ NoteBook หรือ PC ที่มีอยู่รองรับหรือไม่

มีอุปกรณ์หลายส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเร็วระดับ Gigabit ได้แก่
  • สาย LAN ควรเป็น CAT5E ขึ้นไป หรืออาจใช้ CAT6 ก็ได้ ปัจจุบันผู้ให้บริการจะให่สาย LAN มาพร้อมกล่อง Router มาพร้อมแล้ว ท่านอย่าได้หลงไปใช้ตัว cable เก่าที่อาจเป็น CAT5 ท่านอาจไม่ได้ความเร็วอย่างที่คิด
  • Network Card ต้องเป็นแบบ 10/100/1000 ส่วนใหญ่ NoteBook หรือ PC ปัจจุบันมากพร้อม Network Card แบบนี้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามการทดสอบ Speed นั้นท่านอาจจะเป็นความเร็วระดับประมาณ 900Mbps ซึ่งยอมรับได้ ทั้งนี้เพราะว่าการส่งขอมูลผ่าน Ethenet มีการส่งเป็นบล๊อกๆ และส่วนที่ไม่ใช่ข้อมูลปนมาด้วย เช่นภาพด้านล่าง มีส่วนของ Frame Check Sequence (FCS) และ Ethenet Header เข้ามา นอกจากนี้ยังมี Interfame gab อีก 12 Byte ทำให้ประสิทธิภาพที่สุดที่สุด ของ Gigabit Ethernet คือ 94% นั่นหมายถึงว่าไม่มีทางทำ Speed test ได้ถึง 1Gbps
  • HDD หรือ SSD ความเร็วในการเขียนข้อมูลของ HDD แบบเดิมที่ที่เป็นแบบแม่เหล็กมีความเร็วอยู่ที่ระดับประมาณ 100MBps หรือ 800Mbps ท่านจะเห็นผลชัดขึ้นหากเปลี่ยนเป็น SSD ซึ่งปัจจุบันมีความเร็วระดับ 300MBps หรือ 2.4Gbps ขึ้นไป 
  • Wireless Network Card หรือ WiFi Card WiFi Card ของท่านต้องรองรับ Dual Band และถ้าให้ดีต้องเป็น 3x3 MIMO ขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ WiFi Link Speed อยู่ ที่ 1.3Gbps ก็จะทำให้ Troughput สูงขึ้นไปด้วย 
  • Smart Phone ต้องรองรับ Dual Band smart phone ในปัจจุบันรองรับ Dual มีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ส่วนมาก มักเป็น 2x2 MIMO นั่นหมายถึง Link Speed จะอยู่ที่ 867Mbps แน่นอนว่าความเร็วที่ทำได้สูงสุดอาจอยู่ที่ 400-500Mbps 
















วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การเปลี่ยน Modem Wirless Router หรือ Wireless Router ให้เป็น Wireless Access Point

Wireless Router กับ Wireless Access Point มีความแตกต่างกันที่ Wireless Router สามารถทำฟังก์ชั่น Router ได้ด้วย โดยฟังค์ชั่นหลักๆคือ การแปลง IP ที่เราได้รับจาก ISP ซึ่งทางเทคนิคเรียกว่า Public IP บางทีอาจเรียก IP ขา WAN มาเป็น IP ภายใน หรือ Private IP บางทีก็อาจเรียก IP ขา LAN เช่น การแปลงแบบนี้จะเรียกว่าการทำ NAT หรือ Network Address Translation นั่นเอง  ทั้งนั้น Access Point จะไม่ทำหน้าที่ตรงนี้แต่จะทำการส่งผ่าน IP ขา LAN ไปให้อุปกรณ์ที่รองรับ WiFi ได้
Modem Wireless Router ก็คืออุปกรณ์ที่เพิ่มความสามารถ Modem เข้ามาด้วย เช่น ADSL, VDSL Modem แต่หากเป็น FTTx มักเรียกอุปกรณ์ ONU หรือ Optical Network Unit นี่คือหลักการหลักสำคัญ
ดังนั้น
Modem Wireless Router คือ Modem + Router + Wireless Access Point
Wireless Router                คือ                  Router + Wireless Access Point
การเปลี่ยน Modem Wirless Router หรือ Wireless Router ให้เป็น Wireless Access Point ก็คือการไม่ใช้ ฟังก์ชั่น Modem หรือ Router ในอุปกรณ์ของเรานั่นเอง
หลักการทั่วไปการติดตั้งเป็นดังนี้

1) ตั้งค่า IP ที่เราจะทำเป็น Wireless Access Point ให้อยู่วงเดียวกันกับ Router หลักที่ต่อจาก ISP เช่น Router หลักเป็น 192.168.0.1 อาจตั้ง AP เราเป็น 192.168.0.2 ตามภาพตัวอย่าง
2) ปิดฟังก์ชั่น DCHP
3) ต่อสาย LAN จาก Router หลัก ไปต่อกับ Port LAN

ตัวอย่างการตั้งค่า DIR-842





ถึงตอนนี้ Wireless Router หรือ Modem Wireless Router ก็กลายเป็น Wireless Access Point เรียบร้อย โดยที่ Wireless ของทั้ง 3 ตัวแตกต่างกันไป หากต้องการตั้งค่าขั้นสูงท่านอาจเปลี่ยนช่องสัญญาณ ของย่าน 2.4 แต่ละตัวเป็น ช่อง 1 , 6 และ 11 ตามลำดับก็ได้




วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

ข้อพิจารณาในการติดตั้ง FTTx 100Mbps ขึ้นไป

ผมมีข้อแนะนำในการพิจารณาอุปกรณ์ในการติดตั้ง FTTx ว่าจะให้ได้ Speed ตามที่เราต้องการได้อย่างไรเมื่อเราต้องการ Upspeed จาก VDSL หรือ ADSL เป็นความเร็วสูงระดับ 100Mbps ขึ้นไปดังนี้

1) ตรวจสอบอุปกรณ์ ONU ONU คืออุปกรณ์ Fiber Modem ที่จะแปลงสัญญาณแสงจากผู้ให้บริการเป็นอินเทอร์เน็ตนั่นเอง การที่จะได้ความเร็วระดับ 100Mbps ขึ้นไป ONU ที่ว่านี้ ต้องมี Port Lan ที่รองรับความเร็วแบบ 10/100/1000 หรือ เป็น GE ไม่ใช่ 10/100 หรือ FE นี่ ลองดู ONU 2 ตัวตามภาพ รุ่นที่เขียนว่า 4FE คือ 10/100 ส่วนอีกรุ่นคือ 4GE คือ 10/100/1000 จะเห็นหน้าตาคล้ายกันมากเลยใช่มั๊ยครับ แต่ความเร็ว Port LAN นั้น Spec ต่างกัน ดังนั้นขั้นแรกหากท่านต้องการทดสอบความเร็วให้ต่อ Notebook หรือ PC ผ่าน LAN ตรงนี้ก่อนเลยว่าได้ไกล้เคียงกับ Package ที่ซื้อมา

และอีกข้อที่สำคัญมากๆ Port LAN ของ Notebook ท่านเองต้องรองรับ GE ด้วยเช่นกัน



2) เลือกใช้ Wireless Router ที่เป็น Dual Band การใช้ Router ที่มีมากับ ONU ซึ่งมักเป็น Single Band หรือ Wireless N300 มักทำความเร็วได้ไม่มาก เพราะการมีช่องสัญญาณจำกัดและมีผู้ใช้จำนวนมาก แม้ความเร็วตามทฤษฏีจะได้สูงสุด 300Mbps แต่ในทางปฏบัติอาจทำได้แค่ 30-50Mbps เท่านั้น ข้อและนำที่สำหรับลูกค้าที่ใช้ความเร็ว 100Mbps ควรเลือกใช้ Wireless AC1200 และ ต้องมั่นใจว่า Port WAN รองรับ 10/100/100 ด้วยเช่นกัน  ปัจจุบันมี Wireless AC1200 แต่ มี Port WAN เป็น 10/100 ซึ่งทำให้ความเร็วแม้จะรับมาจาก ONU เป็น GE ก็จะตกลงเมื่อใช้งานผ่าน Wireless Router ที่มีความเร็วเป็น 10/100 ถ้าท่านมีงบประมาณมากหน่อยก็ให้เลือก AC1750 หรือ AC1900 ไปเลย แต่อย่างไรก็ตาม 5Ghz จะไปในระยะทางที่น้อยกว่า 2.4Ghz หากบ้านหลังใหญ่มากมีจุดอับสัญญาณในบ้านน ท่านอาจใช้อุปกรณ์อื่นช่วย เช่น Wireless AP หรือ พวก Range Extender มาช่วย ซึ่งจะพูดในบทความหน้าต่อไป

3) ต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อที่รองรับ 5Ghz เความเร็วสูงสุดของ Notebook หรือ PC ที่เราใช้ ขึ้นอยู่กับ Wireless Adapter ที่มาพร้อมเครื่อง เช่น  นี่คือตัวอย่างของ Notebook ที่มี Spec เป็น 2x2 802.11ac ซึ่งให้ความเร็วสูงสุดทางทฤษฏีคือ  Wireless AC  คือ 866Mbps ซึ่งหากการแสดงผลบน Windows แสดง Data Rate ขนาดนี้ ความเร็ว 100 หรือ 200Mbps ใช้งานได้สบายๆ หากอุปกรณ์เราไม่รองรับก็สามารถหา USB Wireless AC Adapter มาต่อเพิ่มเติมได้ ในขณะที่มือถือรุ่นใหม่ๆในปัจจุบันรองรับ Wireless AC เพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้ว



4) ต้องมั่นใจว่าสาย LAN เราใช้สาย CAT5E ขึ้นไป หากท่าน Upgrade Router เป็น Wireless AC1200 พร้อม Port 10/100/1000 แล้วขอให้ลืมสายเก่าที่มาพร้อม Router ตัวเก่าไป เพราะว่าท่านอาจจะใช้สาย CAT5 ที่รองรับความเร็วที่เป็น CAT5E ที่มาพร้อมกล่องจะดีกว่า หากไม่มั่นใจให้สอบถามผู้จัดจำหน่ายว่าให้สายอะไรที่ผุ้จำหน่ายให้มาพร้อมกล่อง

นี่เป็นวิธีการเบื้องต้นในการพิจารณาในการติดตั้งอินเทอร์เน๊ทความเร็วสูง 100Mbps ขึ้นไป และที่สำคัญการที่จะให้สัญญาณ Wireless ครอบคลุมทั้งบ้านควรเลือกจุดติดตั้งกลางบ้านให้มากๆ Set QOS สำหรับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Streaming เช่น Chromecast หรือ Apple TV ถ้า Router มีความสามารถแบบนี้ 







วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

OTT Content เมื่อ Telecom Operator เป็นผู้ให้บริการ Content เอง

OTT คืออะไร 

      ผมได้ยินว่าว่า OTT แรกๆ ก็ตอนที่มี Operator รายหนึ่งกำลังมีความสนใจซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่า Set Top Box เผื่อให้บริการ OTT พอคุยรายอะเอียดก็เข้าใจว่าจริงๆแล้ว ไม่ได้มีออะไรใหม่เลย มันคือการให้บริการ ด้านภาพ เสียง ข้อความ หรือ วิดีโอ ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเอง OTT ย่อมาจาก over - the - top หรือก็เหมือนกับ ท๊อปปิ้งไอสครีมหรือเค๊ก นั่นเอง แล้ว Over - the - top ของอะไร ก็คืออินเทอร์เน๊ตนั่งเอง ผู้ให้บริการเหล่านี้ไม่ได้เป็นผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ตเลย แต่ใช่ อินเทอร์เน็ตในการส่งข้อมูลและทำรายได้ให้กับบริษัทเหล่านั้น 

        ปัจจุบัน OTT เป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามหาศาล ที่เห็นง่ายๆคือ application ต่างๆ บนสมาร์ทโฟนนั่นเอง เช่น Line , FaceBook หรือ Instragram เป็นต้น

Set Top Box Boxee by D-Link


         Application เหล่านี้ เมื่ออยู่บน Smartphone ได้ ก็อยู่บน Tablet, Set top box หรือ Smart TV ได้ เช่นกัน ซึ่งมีจอที่ใหญ่กว่า Smartphone จึงทำให้ Content ประเภทวิดีโด มาดูผ่าน TV ได้ 
         Set to box ที่รู้จักกันดี คือ Apple TV และ Andriod box นั่นเอง ซึ่งก็คือระบบปฏิบัติการจาก Smartphone  ซึ่ง Content ต่างๆ ซึ่งจะเห็นว่า Video Content จากหลายๆค่ายพร้อมที่จะมาวิ่งผ่าน STB เหล่านี้ ซึ่งการจะเช่าหนังผ่านระบบทางหน่าจอได้เลย Content อื่นๆ เช่น YouTube,Vimeo, RedBull,NetFlix ก็มีพร้อมบนบริการเหล่านี้ แต่บางบริการอาจไม่มีในเมืองไทย
 
ตัวอย่าง Interface ของ Apple TV  (ภาพ จาก www.apple.com)

เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ในเมื่อ Telecom Operator ก็คือผู้บริการอินเทอร์เน็ต จะอยู่เฉยๆ ทำไม ให้บริการ ไปด้วยเลยดีกว่า
Telecom Operator ก็เลยเป็นผู้ให้บริการเองไปเลย โดยส่วนใหญ่ Set top box มักพัฒนามาจาก Android Box

OTT Video ของ Telecom Operator แต่ละค่าย

ผมจะลองเรียบเรียง OTT Video ของแต่ละค่ายมีบริการดังนี้ 

 ผมเพิ่ม OTT Video ที่มี Platform ที่ดูโอเค และเป็นหนังค่ายใหญ่ใน Hollywood มา 2 เจ้า คือ PrimeTime และ Hollywood HDTV เข้ามาด้วย ผมทดลองดูผ่าน Apple TV แล้วใช้งานได้ดี ซึ่ง 2 ค่ายนี้ไม่ใช่ Telecom Operator

ยังไงก็ตาม หนังใหม่ที่เป็นหนังลิขสิทธิ์ อาจหาไม่ได้จาก OTT เหล่านี้ แต่อาจค้นหาจาก Google แล้วดู online ได้เลยเช่นกัน ซึ่งคงเป็นอุปสรรค์พอควรสำหรับผู้หวังรายได้จากบริการ OTT Content

 




วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Churn Rate ปัญหาหนักอก ของผู้ให้บริการ แก้ด้วย Multi-Play

ปัญหาหนักอกของผู้ให้บริการ Fixed Broadband และ ผู้ให้บริการโทรคม คือปัญหาลูกค้ายกเลิกบริการ หรือที่ทางผู้ให้บริการมักเรียกกันว่า Churn หรือ Churn Rate นั่นเอง Churn Rate หมายถึงอัตราส่วนของลูกค้าที่ออกจากระบบต่อจำนวนลูกค้าทั้งหมด ซึ่งมักวัดเป็นต่อเดือน หากลูกค้าออกจากระบบจำนวนสูงมาก แสดงว่า บริการอาจมีปัญหาสูงตามมานั่นเอง

ซึ่งสาเหตุของการยกเลิกอาจมีสาเหตุหลายอย่าง เช่น ไม่พอใจกับการบริการ เกิดเหตุเสียบ่อย ระบบไม่เสถียร หมดสัญญาแล้วผู้ให้บริการรายอื่นมีข้อเสนอที่ดีกว่า ต้องการโปรโมชั่นที่ดีกว่า หรือต้องการลดค่าใช้จ่าย ก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น

แน่นอนว่าก่อนที่ลูกค้าจะยกเลิกลูกค้าต้องมีต้นทุนจากในการย้ายค่ายที่ลูกค้าคิด และผู้ให้บริการคิดดังนี้

 1. ต้นทุนตามสัญญาการใช้บริการ 

  สัญญาการใช้บริการเป็นต้นทุนที่ชัดเจน และเห็นง่ายที่สุดหากจะย้ายค่าย ดังนั้นผู้ให้บริการโดยทั่วไปมักทำสัญญาผูกพันธ์ กับลูกค้าในการ Bundle กับอุปกรณ์ Router ตัวใหม่ หรือ บริการใหม่ๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานโดยทั่วๆไป ทั้งลูกค้าทั้ง Fixed BB และ Mobile ถ้าท่านจะยกเลิกก่อนครบสัญญา ท่านก็ต้องมีต้นทุนส่วนนี้ ลูกค้าโดยทั่วไปจึงมักยกเลิกหลังครบสัญญาบริการแล้ว และหากผู้ให้บริการไม่ปรับตัวก่อนลูกค้ายกเลิก ลูกค้าก็อาจจะไปใช้ผู้ให้บริการรายอื่นได้โดยง่ายเพราะไม่มีต้นทุนส่วนนี้ ผู้ให้บริการบางรายอาจเสนอปรับ Bandwidth สูงขึ้นในราคาเดิม เสนอให้ SIM 3G เพื่อ Bundle เสนอ Bundle IPTV พ่วงเข้ามา เสนอ WiFi ให้ใช้ฟรี เช่น กรณี 3BB ให้ฟรี 3BB WiFi สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการครบ 1 ปี หรือ แม้กระทั่งเสนอ Router ตัวใหม่ เสนอเปลี่ยนระบบใหม่ ซึ่งในต่างประเทศบางประเทศเช่นสิงค์โปร์ ลูกค้าจะได้ Router ตัวใหม่ หลังครบสัญญา

ถ้าผู้ให้บริการรายใดทำตัวนิ่งไม่สนใจที่จะติดต่อลูกค้าก่อนครบสัญญา ท่านก็อาจต้องทำใจหากลูกค้ายกเลิกไปใช้รายอื่น ซึ่งมักจะเรียกกลับมายาก เพราะผู้ให้บริการรายใหม่ก็จะทำสัญญาอีก 1 ปีกับลูกค้ารายนั้น


 2. ต้นทุนเรื่องสิทธิประโยชน์จากผู้ใช้บริการรายเดิม

สิทธิ์ประโยชน์ หรือ การสะสมแต้ม เป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการให้กับลูกค้า เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับบริษัทนานๆ ถ้าเป็นกรณี Fixed Broadband ที่เห็นชัดเจนเลย คือ 3BB VIP และ TrueYou สำหรับผู้ให้บริการ Fixed Broadband รายใหม่ อย่าง AIS ซึ่งมีบริการ AIS Seranade นั้น ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดว่าจะรวมสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้า Fixed Broadband หรือไม่

แน่นอนว่าหากลูกค้าได้ใช้สิทธิประโยชน์เหล่านั้นคิดจะเปลี่ยนค่าย เมื่อเทียบสิทธิ์ประโยชน์ที่หายไป ลูกค้าอาจไม่ย้ายค่าย

 3. ต้นทุนของความเสถียรหลังการใช้บริการ

ลูกค้าที่จะย้ายค่ายอาจมีความกังวลหลังการใช้บริการกับผู้ให้บริการรายใหม่ ดังนั้น ลูกค้าอาจค้นข้อมูลจาก Review ต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต หรือสอบถามจากคนที่ให้บริการอยู่แล้ว ดังนั้นลูกค้าอ้างอิงจึงมีความสำคัญมากๆ เราอาจเห็นโปรแกรมทางการตลาดที่ให้คะแนนสำหรับลูกค้าอ้างอิง และมีอาชีพใหม่ๆอย่างบล๊อกเกอร์เกิดขึ้นมา ทั้งนี้ก็เพื่ออ้างอิงบริการของผู้ให้บริการ

 4. ต้นทุนของการปรับใช้กับระบบเดิมที่มีอยู่

 ลูกค้าบางรายอาจมี Wireless Router ตัวเดิมที่เพิ่งไปซื้อมาเปลี่ยนเอง ที่ยังอยากใช้อยู่ หรือ อาจมี Set Top Box ที่คุ้นเคยกับ Remote หรือ Menu ต่างๆเป็นอย่างดี หรือ คุ้นเคยกับ ช่างเทคนิค หรือ Call center หากเปลี่ยนอาจมีความยุ่งยาก ในการติดต่อประสานงาน ดังนั้น นี่อาจเป็นต้นทุนที่ทำให้ลูกค้าไม่คิดจะย้าย

 5. ต้นทุนในการเปรียบเทียบ package ของแต่ละค่าย

การเปรียบเทียบข้อมูล package ในปัจจุบันแม้ทำได้ง่ายมากๆ ผ่าน Internet แต่ลูกค้าอาจอาจต้องใช้เวลาในการเปรียบเทียบ ประมาณว่าเมื่อใช้บริการอยู่แล้ว จะเปลี่ยนไปทำไม แต่สำหรับผู้ให้บริการที่ให้บริการเพียง Internet อย่างเดียวนั้น นับว่าง่ายมากที่คู่แข่งจะเข้ามาโจมตี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ลูกค้าหมดสัญญาไปแล้ว

ดังนั้นแนวคิดการให้บริการแบบ Bundling ที่เรียกว่า Triple Play คือ NET + Voice + TV หรือ Quad Play คือ NET + Voice + TV + Mobile หรือในปัจจุบันอาจเรียกว่า Multi-Play ไปแล้ว ได้แก่การเพิ่ม ฟรี WiFi , เสริมระบบระบบกล้องไอพี, ระบบ Cloud Storage ขึ้นมา เป็นต้น ทั้งนี้ ก็เพื่อลด Churn Rate ให้ลูกค้าอยู่กับตนไปนานๆ ตราบเท่าที่ลูกค้ายังจ่ายค่าบริการรายเดือนอยู่นั่นเอง